Day 7 Catherine Palace, Chesme Church & Smolny Cathedral

โพสก่อนหน้าเนื้อหาค่อนข้างหนักและเน้นไปทางประวัติศาสตร์ซะมาก อาจทำให้น่าเบื่อไปบ้างแต่ความจริงเราว่าประวัติศาสตร์ถือเป็นจุดขายหนึ่งของประเทศรัสเซียเลย และในปี 2017 นี้ยังเป็นการครบรอบ 100 ปีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองด้วย ในระยะเวลาเพียง 100 ปีนี้ไม่อาจทำให้ร่องรอยของอดีตจางหายไปได้มากนัก เห็นได้จากเรื่องราวของสมาชิกในราชวงศ์นั้นยังคงเป็นจุดขายที่ซ่อนอยู่ในทุกๆ สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำของรัสเซีย

 

600415-Catherine-Palace-001--Agfa-Vista-400

Pentax MX with Agfa Vista 400

 

วันนี้เราเดินทางออกนอกเมืองมายัง Pushkin (ในอดีตชื่อเมือง Tsarskoye Selo) อันเป็นที่ตั้งของพระราชวัง Catherine Palace ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปีเตอร์ที่ 1 โดยตั้งชื่อตามพระราชินีของพระองค์ พระนางแคทเธอรีนที่ 1 โดยทั้งสองมีพระราชธิดานามว่า พระนางอลิซาเบธ ผู้ซึ่งในภายหลังได้ทำการตกแต่งและปรับปรุงพระราชวังแห่งนี้ให้ยิ่งใหญ่และงดงาม

การเดินทางมาจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กก็ไม่ยาก แต่ต้องไปขึ้นรถบัสที่อยู่ด้านหลังรูปปั้นเลนิน ซึ่งรูปปั้นที่ว่าตั้งอยู่ใกล้กับเมโทรป้าย Moskovskaya สายสีฟ้า เมื่อถึงแล้วให้เดินตามคำว่า Leninsky ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าออกตามทางที่ชี้ไป Leninsky เลยจะกลายเป็นฝั่งตรงข้าม ฉะนั้นให้ออกทางออกที่ถึงก่อนหน้าจะโผล่ขึ้นมาเจอรูปปั้นพอดี และเมื่อเดินไปด้านหลังจะเจอคิวรถตู้กับรถบัสมากมายจอดรออยู่ ไม่ต้องกลัวหลง เพราะคนขับจะถามทันทีว่า Pushkin? ถ้าไม่แน่ใจจะถามว่า Cathrine Palace อีกรอบก็ได้

 

600415-Catherine-Palace-006-LOMO-Fuji-film-200600415-Catherine-Palace-007-LOMO-Fuji-film-200

Lomo LC-A with Fuji film 200

 

คิวยาวมากสมคำร่ำลือ ต่ออยู่สักเกือบครึ่งชั่วโมงถึงได้เข้าไป ซื้อตั๋วราคา 700 รูเบิลและค่าเช่า audio guide อีก 150 รูเบิล จริงๆ มารัสเซียหนนี้ เสียค่าใช้จ่ายกับค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ มากที่สุด ไม่เหมือนอังกฤษที่พิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่มักจะเปิดให้เข้าชมฟรี

ฝากกระเป๋าให้เรียบร้อย ก่อนเข้าชมจะเจอส่วน Ticket Control ตรงจุดนี้จะต้องรอและถูกบังคับให้ใส่ถุงครอบรองเท้า เมื่อผ่านเข้าไปได้ให้เดินขึ้นบันไดแล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอป้าย Tour Beginning แปลว่าเริ่มต้นจากตรงนี้ได้เลย ขอบอกว่าเป็นอีกที่ที่นักท่องเที่ยวล้นหลาม ได้ยินเสียงพากย์เกือบทุกภาษาจากไกด์ทัวร์ ซึ่งที่นี่ก็อนุญาตให้ถ่ายรูปได้แต่ห้ามใช้แฟลชเช่นเดียวกับ Hermitage Museum

 

600415-001600415-002600415-003600415-004

 

แม้คนจะเยอะแต่เส้นทางการเดินค่อนข้างมีระเบียบ อาจเป็นเพราะสถานที่มีขนาดเล็กกว่า Hermitage Museum มาก ทำให้การจัดระเบียบเป็นไปได้ง่ายกว่า ในสมัยสงครามพระราชวังแห่งนี้ได้รับความเสียหายและถูกทำลายลงไปมาก ซึ่งบางส่วนได้รับการบูรณะและอนุรักษ์ให้มีสภาพใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด ในขณะที่บางห้องก็เสียหายหนักจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ เหลือทิ้งไว้เพียงภาพวาดในอดีตให้ดูเปรียบเทียบกัน

 

600415-009600415-010

 

เรื่องราวที่นำเสนอส่วนมากเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในราชวงศ์ เช่น ห้องไหนใครเคยอยู่ ใครรักใครชอบใครเป็นพิเศษ จึงได้รับของขวัญเป็นห้องพักบริเวณนั้นนี้ และถึงแม้ Catherine Palace นั้นจะมีที่มาจากชื่อของพระนางแคทเธอรีนที่ 1 และผู้ที่ตกแต่งปรับปรุงจะเป็นพระนางอลิซาเบธลูกสาว ถึงอย่างนั้นอีกบุคคลที่มีบทบาทต่อวังนี้มากกลับเป็น พระนางแคทเธอรีนที่ 2

เรื่องราวของพระนางถ้าจะให้เล่าสั้นๆ คงเป็นเรื่องของเจ้าหญิงต่างเมืองเล็กๆ องค์หนึ่งที่จับพลัดจับผลูได้แต่งงานกับองค์รัชทายาทของอาณาจักรรัสเซียอันกว้างใหญ่ และด้วยพระสวามีนั้นอ่อนแอไม่เด็ดขาดบวกกับตัวพระองค์เองมีความทะเยอทะยานเป็นทุนเดิม ในที่สุดพระองค์จึงตัดสินใจยึดอำนาจพระสวามีและตั้งตนขึ้นเป็นจักรพรรดินี แต่ถึงอย่างนั้นพระนางก็เป็นคนเก่ง มองการณ์ไกล รู้จักใช้คน และสามารถนำพากองทัพรัสเซียให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้ ในที่สุดจึงได้รับเถลิงพระเกียรติขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าแคทเธอรีนมหาราช (Catherine the Great)

 

600415-005600415-006600415-008

 

และด้วยเหตุนี้ทำให้พระราชวัง Catherine ที่ไม่ได้ตั้งตามชื่อพระนาง กลับมีเรื่องราวของพระนางอยู่เต็มไปหมด รวมถึงบุคคลที่พระนางมีความสัมพันธ์ด้วย โดยเฉพาะหลานรักอย่างพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 ผู้ซึ่งพระนางโปรดเป็นนักหนา ก็ได้รับพระราชทานวัง Alexander Palace ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันเป็นของขวัญในวันแต่งงาน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าพระนางแคทเธอรีนมหาราชนั้นหมายมั่นจะให้พระองค์เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์เป็นลำดับต่อไป โดยมองข้ามลูกชายแท้ๆ อย่างพระเจ้าพอลที่ 1 อย่างไม่ใยดี ถึงกระนั้นในพระราชวังก็ยังมีห้องหับที่เป็นของพระองค์อยู่บ้าง แต่ก็น้อยกว่าลูกชายตัวเองมากนัก

 

600415-007

ในภาพคือห้องอาหารของพระเจ้าพอลที่ 1 (ซึ่งได้รับการบูรณะใหม่)

 

แต่ห้องที่เป็นไฮไลท์และเป็นห้องเดียวที่ห้ามถ่ายภาพคือ Amber room หรือห้องอำพัน โดยทั้งห้องนั้นถูกประดับและตกแต่งด้วยอำพันทั้งสิ้น สวยมาก สวยจริง ละเอียดมากทั้งการไล่สีอำพันแต่ละ shade เพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะนำไปตกแต่ง อีกทั้งยังมีเทคนิคการตัดอำพันให้มีขนาดเล็กจิ๋วเพื่อขนาดที่พอดีสำหรับพื้นที่นั้นๆ อีกด้วย ขอยกให้เป็นห้องที่สวยงามที่สุดใน Catherine Palace

นอกจากนี้ปีกฝั่งหนึ่งของวังให้ข้อมูลไว้ว่าในอดีตเคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แต่ในปัจจุบันเป็นนิทรรศการที่ไล่เรียงลำดับประวัติบุคคลที่เคยมีชีวิตและอาศัยอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ (สันนิษฐานว่าบริเวณนี้คงถูกทำลายในช่วงสงครามและไม่สามารถซ่อมแซมได้ จึงได้ปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นห้องนิทรรศการสมัยใหม่) โดยไล่จากเหตุการณ์ล่าสุดขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงเรื่องราวในอดีตตั้งแต่ผู้ก่อสร้างพระราชวัง โดยเริ่มจากพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 จักรพรรดิ์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โรมานอฟและอาณาจักรรัสเซีย การจัดแสดงทั้งหมดในพระราชวังก็จบลงที่ห้องนี้

 

600415-011

 

หลังจากใช้เวลาอยู่ด้านในจนเสร็จ ก็ได้เวลาออกมาสำรวจด้านนอก ที่นี่ยังมีอาคารอีกหลายแห่งแต่ในฤดูหนาวเช่นนี้อาจไม่เปิดให้เข้าชม อย่างเช่น Alexander Palace ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 และยังเป็นที่ประทับที่โปรดปรานของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ก็ปิดปรับปรุงอยู่ โดยเนื้อหาทั้งหมดได้ย้ายไปไว้ที่ Tsaritsyno เป็นการชั่วคราว อย่างที่เราได้บังเอิญเข้าชมและเขียนไว้ใน การเดินทางวันที่ 3 นั่นเอง

เรากับแม่เดินเล่นอยู่ในบริเวณพระราชวังกันต่อสักพัก ก่อนจะวุ่นวายหาทางกลับไปยังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ตรงจุดนี้จะยากเพราะตอนขามา รถบัสมาส่งใกล้กับพระราชวังมากและเป็นการเดินรถทางเดียว ทำให้เราต้องไปหาป้ายรถบัสที่จะพากลับไปเส้นทางเดิม แต่หาไม่เจอ เลยได้แต่ถามคนขับว่าไปเมโทรไหม เมโทรไหนก็ได้ ถ้าไปก็น่าจะรอด ไปต่อเองได้จากตรงเมโทรแล้วล่ะ

 

600415-Catherine-Palace-003--Agfa-Vista-400600415-Catherine-Palace-005--Agfa-Vista-400600415-Catherine-Palace-004--Agfa-Vista-400

Pentax MX with Agfa Vista 400

600415-Catherine-Palace-008-LOMO-Fuji-film-200

Lomo LC-A with Fuji film 200

 

หลังจากหาทางกลับมาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้แล้ว ไม่ได้มีแพลนอะไรต่อ แต่จากที่เคยหาข้อมูลว่าสถานที่ไหนน่าไปดูบ้าง ก็เจอโบสถ์สีพาสเทลหลายแห่ง จึงตัดสินใจลองไปโดยไม่มีการเตรียมหาข้อมูลอะไรทั้งนั้นกะว่าไปถ่ายรูปอย่างเดียวพอ

 

Chesme Church

600415-Chesme-Church-001-Agfa-Vista-400

Pentax MX with Agfa Vista 400

600415-Chesme-Church-002-LOMO-Fuji-film-200

Lomo LC-A with Fuji film 200

 

อยู่ไม่ไกลจากป้ายเมโทร Moskovskaya สายสีฟ้าในระยะเดินได้ เมื่อกลับมาถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเลยขอมาเก็บภาพซะหน่อย แต่อย่างที่บอกว่าช่วงที่ไปนั้นเป็นช่วงเทศกาลอีสเตอร์พอดี ทำให้ไม่ว่าไปโบสถ์ไหนๆ ก็มักจะเจอพิธีกรรมอะไรสักอย่างเสมอ และมีผู้ศรัทธาเข้าร่วมจำนวนมาก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกี่ยวข้องกันไหม แต่วันที่ไปเจอคนเยอะมากจนไม่สามารถเข้าไปด้านในได้เลย

 

Smolny Cathedral

600415-Smolny-Church-001-LOMO-Fuji-film-200600415-Smolny-Church-002-LOMO-Fuji-film-200

Lomo LC-A with Fuji film 200

 

อีกหนึ่งสถานที่ที่ไปโดยที่ไม่รู้ข้อมูลอะไรมาก แต่หลังจากกลับมาศึกษาจึงพบว่าในอดีตเคยเป็นศาสนสถานใช้ในการเล่าเรียนของเหล่าแม่ชีชาวคริสเตียนออร์โธด็อกซ์ ส่วนการเดินทางค่อนข้างยากนิดหน่อยเพราะไม่มีเมโทรมาถึง แต่สามารถนั่งรถบัสสาย 74 หน้าห้าง Galeria ที่อยู่ใกล้กับเมโทร Mayakovskaya ได้ และด้วยความที่โรงแรมที่พักอยู่ใกล้มากๆ จึงลองนั่งบัสไป ไม่เจอนักท่องเที่ยวเลยนอกจากเรากับแม่ นอกนั้นเป็นผู้มีจิตศรัทธาและผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น

 

ข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ เที่ยวรัสเซีย โดย จารุภัทร์ ปานพรหมินทร์, หนังสือ ได้เวลาเที่ยวรัสเซีย โดย ดร. จิรัฎฐ์ สิริเฉลิมพงศ์ และหนังสือ The Rulers of Russia ที่ซื้อมาจากร้านหนังสือใน Peterhof

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.