ปฏิเสธไม่ได้ว่า ธรรมชาติ นั้นเป็นแรงบันดาลใจหลักของนักออกแบบเครื่องประดับมาทุกยุคทุกสมัย ดังปรากฏให้เห็นในประวัติศาสตร์ศิลปะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าวิวัฒนาการความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าใด ต่อให้มีการค้นพบเทคนิคใหม่ๆ หรือการทดลองใช้วัสดุสังเคราะห์ต่างๆ เราจะยังเห็นรูปทรงของเครื่องประดับตลอดจนสีสันของอัญมณีนั้นมีการลอกเลียนความงามจากธรรมชาติอยู่เสมอ
จากความทับซ้อนของแรงบันดาลใจที่มานี้เอง ที่ทำให้แต่ละแบรนด์ต้องทำการบ้านอย่างหนักเพื่อจะสร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์เฉพาะขึ้น จากรูปทรงธรรมดาที่พบเห็นทั่วไปตามธรรมชาติ พืชพันธุ์ ดอกไม้ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ถูกหยิบมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับนักออกแบบคือการดึงเอาเสน่ห์ของแบรนด์นั้นๆ มาผสมผสานกับความเรียบง่ายตามธรรมชาติ และสร้างสรรค์เป็นเครื่องประดับที่บ่งบอกตัวตนของผู้สวมใส่ให้ดีที่สุด
เช่นเดียวกับ Hemmerle แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติเยอรมัน (อ่านออกเสียงแบบเยอรมันว่า เฮมแมร์เลอร์) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 125 ปี ที่สำคัญ Hemmerle เป็นกิจการที่สืบทอดกันมาในครอบครัว ปัจจุบันนี้ดำเนินการโดยทายาทรุ่นที่ 4 แล้ว และสิ่งที่ทำให้ Hemmerle โดดเด่นมากคือการเลือกใช้รูปทรงจากธรรมชาติ โดยหยิบเอาผลิตผลใกล้ตัวมาออกแบบเป็นเครื่องประดับ แต่ซ่อนความพิเศษด้วยรายละเอียดที่รังสรรค์ขึ้นจากช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เครื่องประดับของ Hemmerle มีกลิ่นอายที่แตกต่างจากแบรนด์เยอรมันและแบรนด์อื่นๆ ทั่วไป
อีกหนึ่งเทคนิคที่โดดเด่นของ Hemmerle คือการฝังพลอยกลับด้าน หรือที่เรียกว่า Reverse Stone Setting เป็นการฝังอัญมณีแบบหันด้านแหลมขึ้นบน และเอาหน้าพลอยฝังลงไปในตัวเรือนแทน ซึ่งเริ่มต้นจากความต้องการที่จะเลียนแบบพื้นผิวแหลมคมของสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น ลักษณะเฉพาะตัวของสัปปะรด และหนามที่เป็นเอกลักษณ์ของทุเรียน โดยมากเครื่องประดับที่ใช้เทคนิคนี้จะเป็นต่างหู เนื่องจากไม่มีความสัมพันธ์กับอวัยวะอื่นๆ จึงไม่ก่อให้เกิดความอันตรายขณะสวมใส่
เครื่องประดับใน collection ทั่วไป หรือที่ Hemmerle มีคำเรียกเฉพาะว่า Creations นั้นมีลักษณะเรียบง่าย บ้างเป็นรูปทรงเรขาคณิต และบางชิ้นใช้วัสดุที่แตกต่างกัน แต่จากความเชี่ยวชาญและรสนิยมเฉพาะตัวของ Hemmerle ทำให้เครื่องประดับที่เรียบง่ายกลับดูพิเศษได้อย่างลงตัว
ในขณะที่จุดเด่นที่สุดของ Hemmerle คือเครื่องประดับที่มาจากรูปทรงตามธรรมชาตินั้น แรกเริ่มเกิดขึ้นจากการรวบรวมผลงานช่วงระหว่างปี 1979-1996 ภายใต้ชื่อโปรเจค Art of Nature ซึ่งแสดงให้เห็นพัฒนาการ ความเชี่ยวชาญ และการเปลี่ยนแปลงทางรสนิยมจนเกิดเป็นสไตล์เฉพาะตัวขึ้นมา
และอย่างที่บอกว่า Hemmerle นั้นดำเนินกิจการมาเป็นเวลากว่า 125 ปี เมื่อถึงคราวทายาทรุ่นที่ 4 เข้ามาบริหารกิจการ ในปี 2011 Christian และ Yasmin Hemmerle ได้สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับครอบครัวด้วยการนำเสนอโปรเจคที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความเชี่ยวชาญของ Hemmerle โดยตรง ทั้งคู่หยิบพืชพันธุ์และผักใบเขียวมาสร้างสรรค์เป็นผลงาน ผลลัพธ์คือเครื่องประดับพันธุ์ต่างๆ ที่ทั้งดูน่ารักและน่ากินในเวลาเดียวกัน สมกับชื่อโปรเจค Delicious Jewels
แต่เซอร์ไพรส์ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น นอกจากเครื่องประดับแล้ว ในโปรเจคนี้ยังมีการจำหน่ายหนังสือควบคู่กันด้วย ซึ่งความพิเศษอยู่ที่หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมสูตรอาหาร ที่สามารถปรุงได้จริงตามส่วนผสมที่ Hemmerle หยิบมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ภายในเล่มจึงประกอบไปด้วยสูตรอาหาร ภาพเครื่องปรุงต่างๆ ทั้งพืชผักจริงๆ และเครื่องประดับของ Hemmerle ที่จัดเรียงกันอยู่อย่างสวยงามราวกับหนังสือภาพ (Photo Book)
ที่มา: Another Mag
ผลผลิตจากธรรมชาติที่รับประทานได้กลายมาเป็นสิ่งที่ Hemmerle ถนัด และโปรเจค Delicious Jewels ก็ส่งผลให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ซึ่ง Hemmerle เองก็ตอกย้ำความสำเร็จนี้ด้วยการสร้างสรรค์เครื่องประดับในหัวข้อดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ต่อจาก Delicious Jewels แล้ว โปรเจค Nature’s Jewels ที่เปลี่ยนจากพืชผักมาเป็นผลไม้ และ Mushrooms ที่ว่าด้วยเห็ดสายพันธุ์ต่างๆ ก็ตามมาติดๆ
อาจกล่าวได้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ Hemmerle ถนัดนั้น คือการเล่าเรื่องราวของแบรนด์ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน และดูแลต่อกันมาผ่านคนในครอบครัว จากรุ่นสู่รุ่น จากอดีตจนถึงปัจจุบัน นำเสนอผ่านรูปแบบของเครื่องประดับชิ้นจิ๋ว แต่อัดแน่นไปด้วยรายละเอียดและเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ข้อได้เปรียบจากการเป็นกิจการในครอบครัวนี้เอง ที่ทำให้ Hemmerle ไม่เคยสูญเสียตัวตนในอดีต แต่ยังพร้อมเสมอกับการพัฒนาเพื่อจะก้าวไปข้างหน้าในอนาคต นอกจากเครื่องประดับของ Hemmerle จะทำให้หน้าที่บรรจุความรักความผูกพันของคนในครอบครัวแล้ว ยังเป็นตัวกลางส่งต่อความสัมพันธ์อันดีให้กับลูกค้ามาอย่างยาวนานอีกด้วย
ที่มาของรูปภาพทั้งหมด: Hemmerle
หากใครสนใจสามารถหาข้อมูลอ่านเพิ่มเติมได้ตาม link ด้านล่างนี้
ข้อมูลจากอินเตอร์เนต
Designentist 