“ช่างทองหลวงของพระราชา และราชาแห่งช่างทองทั้งปวง”
ประโยคข้างต้นเป็นคำกล่าวของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักรถึง Cartier (การ์คทิเยร์ หรือคาร์เทียร์ตามความคุ้นปากของคนไทย) แบรนด์เครื่องประดับชั้นสูงที่ในวันนี้มีอายุเกือบสองร้อยปี
คาร์เทียร์ก่อตั้งในปี 1847 ณ กรุงปารีส โดย Louis-François Cartier (หลุยส์-ฟรองซัวส์ การ์คทิเยร์) โดยเริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจครอบครัว ซึ่งในปีเดียวกันลูกชายของหลุยส์-ฟรองซัวส์ Alfred Cartier (อัลเฟรด การ์คทิเยร์) เป็นช่างทองคนแรกที่สามารถรังสรรค์เครื่องประดับโดยใช้แพลทินัมเป็นวัสดุได้สำเร็จ เพราะในอดีตแพลททินัมเป็นโลหะมีค่าราคาสูงแต่ไม่นิยมนำมาขึ้นตัวเรือนเครื่องประดับ เนื่องจากมีระดับความแข็งที่ยากต่อการขึ้นรูป จึงทำให้ชื่อเสียงของคาร์เทียร์เป็นที่ยอมรับและก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในยุคสมัยนั้น
คาร์เทียร์เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้น เมื่อลูกชายทั้งสามของอัลเฟรดเข้ามามีบทบาทในการดูแลแบรนด์ หลุยส์ ปิแอร์ และฌาร์ค การ์คทิเยร์ ได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ เพื่อศึกษางานเครื่องประดับและสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผู้มั่งคั่ง ส่งผลให้คาร์เทียร์มีหน้าร้านทั้งในประเทศรัสเซีย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา
หนึ่งในลูกค้ากิตติมศักดิ์ที่เรียกใช้คาร์เทียร์มาอย่างยาวนานคือเหล่าราชวงศ์ชั้นสูงจากประเทศต่างๆ โดยมีจุดเริ่มต้นในปี 1901 เมื่อสมเด็จพระราชินีอเล็กซานดร้าในพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงมีรับสั่งให้คาร์เทียร์ออกแบบสร้อยพระศอที่ดูเข้ากันกับชุดสไตล์อินเดียที่พระองค์ได้รับถวายมา
คาร์เทียร์จึงเลือกใช้อัญมณีสีสันสดใสและเจียระไนเลียนแบบรูปทรงพืชพันธุ์ในธรรมชาติเขตร้อน จนกลายเป็นผลงานต้นแบบของเครื่องประดับชุด Tutti Frutti อันโด่งดังที่ได้รับความนิยมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่ปรากฏสู่สายตาคนทั่วไปภายใต้ชื่อ Tutti Frutti Collection ในช่วงปี 1970
อีกทั้งคาร์เทียร์ยังมีปฏิสัมพันธ์อันดีเยี่ยมกับราชวงศ์อินเดีย เพราะถือว่าเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของแบรนด์มาตั้งแต่แรกเริ่ม เจ้าหญิงและเจ้าชายอินเดียต่างมีรับสั่งให้คาร์เทียร์ผลิตเครื่องประดับในรูปแบบอินเดียร่วมสมัยด้วยอัญมณีที่ประเมินมูลค่ามิได้
นอกเหนือจากอินเดีย คาร์เทียร์ยังได้รับความไว้วางใจจากราชวงศ์อื่นๆ จนได้รับการแต่งตั้งเป็นช่างทองหลวงประจำราชสำนักมากถึง 15 ประเทศทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประเทศไทยในรัชสมัยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งยังเป็นที่รู้จักในนามสยามประเทศ
นอกจากการออกแบบเครื่องประดับอันล้ำค่าสำหรับลูกค้าชั้นสูงแล้ว คาร์เทียร์ยังสร้างปรากฏการณ์ด้วยการออกแบบนาฬิกาข้อมือสำหรับสุภาพบุรุษเป็นครั้งแรกในปี 1904 โดยมีแรงบันดาลใจจากนักบินหนุ่มชาวบราซิล Alberto Santos-Dumont (อัลเบอร์โต ซานโตส-ดูมงต์) ผู้ต้องการนาฬิกาที่มีน้ำหนักเบาและสามารถใช้งานได้ง่ายขณะขึ้นบิน
เนื่องจากในอดีตนาฬิกาข้อมือถูกจำกัดให้สุภาพสตรีสวมใส่เท่านั้น ส่วนนาฬิกาสำหรับสุภาพบุรุษจะอยู่ในรูปแบบของนาฬิกาพกซึ่งมีลักษณะการใช้งานค่อนข้างยุ่งยาก ในช่วงนี้การออกแบบของคาร์เทียร์อยู่ภายใต้ความดูแลของ หลุยส์ การ์คทิเยร์ ผู้มีศักดิ์เป็นหลานชายของหลุยส์-ฟรองซัวร์ผู้ก่อตั้ง หลุยส์ได้ผลิตนาฬิกาข้อมือสำหรับสุภาพบุรุษขึ้นเป็นครั้งแรก และให้กำเนิดนาฬิกาข้อมือสี่เหลี่ยมในตำนาน Cartier Tank รวมถึง Trinity ring สุดคลาสสิคก็เป็นผลงานของหลุยส์เช่นกัน
และก็เป็นหลุยส์ การ์คทิเยร์ที่ให้กำเนิดสัญลักษณ์ที่สำคัญและเป็นที่จดจำที่สุดของคาร์เทียร์ La Panthère หรือเจ้าเสือดาวสีดำ ซึ่งในภายหลังได้กลายมาเป็นเครื่องหมายทางการค้าอันทรงพลัง
ลวดลายของเสือดาวปรากฏขึ้นครั้งแรกในการตกแต่งตัวเรือนนาฬิกาข้อมือสุภาพสตรีในปี 1914 ก่อนจะพัฒนาไปสู่เครื่องประดับทุกประเภทที่จะเป็นได้ ไม่เว้นแม้แต่ขวดน้ำหอมที่ออกวางขายในปี 2014 เพื่อเฉลิมฉลองในวาระโอกาสครบรอบ 100 ปีของการกำเนิดของเสือดาว Panthère

แฟนๆ คาร์เทียร์ต่างหลงใหลในลวดลายของเสือดาว แต่หนึ่งในแฟนพันธุ์แท้ที่ครอบครองสัญลักษณ์ชิ้นนี้ไว้เป็นจำนวนมาก และเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่ทำให้เสือดาวคาร์เทียร์เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย คือสุภาพสตรีอเมริกันที่เคยเกือบทำให้ราชบัลลังก์อังกฤษต้องสั่นคลอน Wallis Simpson (วอลลิส ซิมป์สัน) พระชายาในดยุคแห่งวินด์เซอร์ อดีตพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักรนั่นเอง
อย่างที่รู้กันว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ได้สละราชสมบัติและตำแหน่งประมุขแห่งเกาะอังกฤษเพื่อมาแต่งงานกับหม้ายสาวผู้นี้ ด้วยพระประสงค์จะมีอิสระจากกฏเกณฑ์ทั้งปวง ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ปาร์ตี้หนัก และจ่ายแพงให้กับทุกสิ่งที่หมายปอง รวมถึงเครื่องเพชรจำนวนมากจากคาร์เทียร์
ภายหลังทั้งคู่เสียชีวิต คอลเลคชั่นเครื่องประดับส่วนตัวของดัสเชสแห่งวินด์เซอร์นั้นถูกประมูลเป็นเงินจำนวนมหาศาล เพราะเป็นที่ต้องการของนักสะสมทั้งหลาย
ไม่เพียงแต่การออกแบบเฉพาะบุคคลที่สร้างชื่อเสียงและรายได้ให้แก่คาร์เทียร์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคาร์เทียร์ไม่เคยหยุดพัฒนาและรังสรรค์เครื่องประดับที่เข้าใจในกลุ่มลูกค้าของตน ซึ่งนอกจากความหรูหราเหนือกาลเวลาแล้วนั้น ความรักและความสัมพันธ์ถือเป็นแก่นสำคัญที่สร้างเรื่องราวให้กับเครื่องประดับได้เป็นอย่างดี
ข้ามมาในปี 1969 เมื่อคาร์เทียร์ได้ออกคอลเลคชั่นกำไลที่มีชื่อว่า Love Bracelet เป็นครั้งแรก โดยระหว่างช่วงที่กำลังโปรโมต คาร์เทียร์ได้ส่งกำไลไปให้คู่รักที่มีชื่อเสียงในขณะนั้นจำนวน 25 คู่รวมถึงดยุคและดัสเชสแห่งวินด์เซอร์ ซึ่งความพิเศษของกำไลนี้อยู่ที่เวลาสวมใส่จะต้องใช้ไขควงในการเปิดและปิด โดยจะไม่สามารถถอดออกได้ หากไม่มีไขควงพิเศษชิ้นนี้ที่ลูกค้าจะได้รับไปพร้อมกันในวันที่ซื้อกำไล
ปัจจุบันคาร์เทียร์ยังคงครองใจลูกค้าทั่วทุกมุมโลกไว้อยู่หมัด เห็นได้จากยอดขายถล่มทลายที่ไม่เคยหลุดโผแบรนด์เครื่องประดับที่ทำรายได้สูงสุดในแต่ละปี เคล็ดลับความสำเร็จของคาร์เทียร์นั้นไม่ได้อยู่แค่ประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่อยู่ที่การปรับตัวเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับบริบทรายล้อมในแต่ละยุคสมัย มีผลงานเครื่องประดับที่น่าจำจดมากมาย และหลายๆ ชิ้นก็เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งที่ครองใจสุภาพสตรีหัวสมัยใหม่ทั่วโลก
สุดท้ายนี้ขอลาไปด้วยคลิปจากทางแบรนด์ ที่บอกเล่าเรื่องราวตลอดร้อยกว่าปีได้ครบจบภายในไม่กี่นาที โดยมีพระเอกคนสำคัญคือเสือดาว Panthère ที่จะพาย้อนเวลาไปยังจุดเริ่มต้นของแบรนด์ตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน
sources :
- https://www.youtube.com/watch?v=Vw2Wjis8Zbo&list=PLnwWRLKWxPzLZKr2kCBj1mMAt7tvtCF2k&index=4
- https://www.youtube.com/watch?v=Vw7s2dJgruk
- https://www.mendetails.com/style/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AC%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2-cartier-tank-century-of-history-may20/https://www.mendetails.com/style/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AC%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2-cartier-tank-century-of-history-may20/
- https://www.en.cartier.com/maison/cartier-and-the-panther/the-panther-through-time.html